จึโตะเมะภาวนาวิงวอนให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยุติลง ในเดือนตุลาคม

2021/10/12

 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โบสถ์ศูนย์กลางศาสนาเทนรีเคียวจัดให้มีการปฏิบัติจึโตะเมะภาวนาวิงวอนขึ้น ณ พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าโอะยะงะมิ

 การปฏิบัติจิโตะเมะนี้จัดขึ้นเพื่อภาวนาให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยุติลงและอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสหายเป็นปกติ ผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งหลายร่วมภาวนาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อที่จได้รับพรพิทักษ์คุ้มครองจากพระผู้เป็นเจ้าโอะยะงะมิ โบสถ์ศูนย์กลางฯ ได้จัดจึโตะเมะนี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนของปีนี้ ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 1 ของทุกเดือน

 ในวันนั้น ทางโบสถ์ศูนย์กลางฯ ได้จำกัดจำนวนผู้ที่เข้าร่วมสักการะภายในห้องโถงสักการะเพื่อป้องกันการแพร่พระบาดของโควิด-19 และจัดเตรียมเก้าอี้ม้านั่งที่ลานภายในโบสถ์ศูนย์กลางและลานหน้าห้องโถงสักการะทิศใต้

 เวลา 12.00 น. เริ่มปฎิบัติจึโตะเมะ โดยมีท่านไดสุเกะ นะคะยะมะทำหน้าที่ตีไม้กรับ และอาจารย์โยะอิชิโร มิยะโมะริทำหน้าที่นับจำนวนครั้งในการปฏิบัติจึโตะเมะ

 ก่อนที่จะปฏิบัติจึโตะเมะ มีคำกล่าวจากอาจารย์มิยะโมะริ เป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายปกครองภายในแห่งศาสนาเทนรีเคียว

 อาจารย์มิยะโมะริได้กล่าวว่า การปฏิบัติจึโตะเมะภาวนาวิงวอนนี้ เริ่มจัดให้มีขึ้นด้วยความปรารถนาของเราที่อยากให้การอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นการปฏิบัติตนในการใช้ชีวิตประจำวัน และได้เน้นย้ำความหมายของคำว่า “ทุกๆ วัน”

 อาจารย์มิยะโมะริ ได้กล่าวว่า คำว่า “ทุกๆ วัน” ที่ใช้ในโอะฟุเดะซะคิ ส่วนใหญ่บ่งบอกถึงพระเจตนาของพระผู้เป็นเจ้าโอะยะงะมิที่อยากจะช่วยเหลือมนุษย์ และอยากให้เรามีความแน่วแน่ที่จะทำการช่วยเหลือผู้อื่น จากนั้นท่านกล่าวต่อว่า การถ่ายทอดพระเจตนาของพระผู้เป็นเจ้าและแบบอย่างของโอะยะซะมะให้แก่คนอื่นแล้วทำการช่วยเหลือนั้นเป็นบทบาทหน้าที่ของพวกเรา ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า จงรักษาจิตใจเช่นนี้ทุกๆ วันและตลอดไป  โดยยกบทเพลงดังนี้

“เรื่องที่ข้าฯ จึคิฮิ คิดอยู่ในใจทุกๆ วัน คือจิตใจส่วนลึกของคนจำนวนมาก” (๑๐-57)

“ถ้ามวลมนุษย์ทั่วทั้งโลกเข้าใจภายในอกของข้าฯ อย่างถ่องแท้แล้ว ข้าฯ จึคิฮิ จะมีความสุขมาก” (๑๐-59)

“เมื่อมวลมนุษย์เข้าใจภายในอกของข้าฯ จึคิฮิ แล้ว หลังจากนั้น” (๑๐-60)

“ข้าฯ จะทำจิตใจของโลกให้ห้าวหาญขึ้นทุกวันตามลำดับ แล้วเริ่มสอนการดำรงชีพที่เต็มไปด้วยความผาสุกเบิกบานใจ” (๑๐-61)  

 นอกจากนี้อาจารย์ยังกล่าวไว้ว่า ถึงแม้ตัวเองคิดว่าเข้าใจคำสอนอย่างมีเหตุผลและรู้สึกขอบพระคุณมากขนาดไหน แต่หากไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงทุกๆ วัน ก็เท่ากับว่ายังไม่เข้าใจคำสอน ฉะนั้นขอให้แต่ละคนคิดไตร่ตรองว่าในฐานะที่เป็นผู้เลื่อมใสในหนทางสายนี้ควรจะลงมือปฏิบัติอะไรในทุกๆ วัน และมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นต่อไป